เพิ่งออกรถใหม่ อยากติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ แต่ไม่รู้ฟิล์มรถยนต์ยี่ห้อไหนดี ราคาประมาณเท่าไหร่ เป็นคำถามยอดฮิตที่คุณมักจะได้ยินกันบ่อยๆ วันนี้เราจึงเอาข้อมูลของฟิล์มติดรถยนต์ยอดนิยมมาแนะนำ พร้อมสาระสำคัญการติดฟิล์มรถยนต์
สารบัญ ( ยาวไปเลือกอ่านได้นะ )
ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ มีกี่ประเภท
เราจะเลือกติดฟิล์ม กี่เปอร์เซ็นต์ดี
10 ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ แบรนด์ดัง
อายุการใช้งาน ของฟิล์มติดรถยนต์
ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ มีกี่ประเภท
ในประเทศเมืองร้อนเช่นประเทศไทย แสงแดดในเวลากลางวันจะมีความเจิดจ้าและแผ่คลื่นความร้อนออกมานอกจากจะทำให้เราหงุดหงิดง่ายกว่าปกติ แสงแดดยังนำพาอันตรายที่คาดไม่ถึงให้แก่เราไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิหรือรังสี UV หากเป็นสภาวะปกติเราคงหลีกเลี่ยงด้วยการหลบเข้าในที่ร่ม
แต่หากเราต้องขับรถยนต์บนท้องถนนหรือโดยสารรถเพื่อเดินทางไปในที่ต่าง ๆ เราคงเลี่ยงได้ยากที่จะไม่โดนแสงแดดนั้น ทั้งคุณ ทั้งรถก็รับเอาแสงแดดนั้นไปเต็ม ๆ แสงแดดและความร้อนทำอะไรกับรถของเราบ้าง
ทั้งแสงแดดและความร้อนมีผลกระทบต่อรถที่เรารัก ไม่ว่าเราจะขับขี่หรือจอดมันไว้กลางแดดก็ตาม ความร้อนที่เกิดขึ้นส่งผลต่ออุปกรณ์ทั้งภายในและภายนอกรถยนต์อย่างที่เราคาดไม่ถึง ลองจินตนาการตามดูว่าความร้อนจากแสงแดดทำอะไรกับรถของเราบ้าง
แนะนำให้อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ จอดรถตากแดด มีข้อเสียอะไรบ้าง และจะป้องกันอย่างไร
แล้วคุณจะรู้ว่าแดดที่เราเห็น ๆ กันทุกวันนอกจากให้คุณประโยชน์แล้วยังมีโทษอย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
สิ่งแรกที่แสงแดดจะทำลายก็คือ “สี” ของรถ การที่เราจอดรถเอาไว้กลางแดดไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือคาดไม่ถึงก็ตาม บริเวณที่รับแสงแดดเต็ม ๆ จะถูกความร้อนทำลายเคลือบสี ทำให้สีไม่สม่ำเสมอ ซีดลงจากเดิม แต่เดี๋ยวก่อน! หากคิดว่าแสงแดดจะทำลายเฉพาะสีด้านนอกล่ะก็ คุณคิดผิด เพราะที่ใดที่แสงส่องถึง ที่นั่นก็พร้อมจะถูกแดดเลียทั้งสิ้น นั่นหมายความว่าแสงแดดทำลายสีได้ ไม่เว้นแม้แต่ในห้องโดยสาร
อุปกรณ์ที่เป็นยาง ไม่ว่าจะเป็นขอบกระจกหรือที่ปัดน้ำฝน ต้องไม่ลืมว่าวัสดุที่เป็นยางไม่ถูกโฉลกกับ “ความร้อน” การปล่อยให้อุปกรณ์ที่ทำจากยางโดนความร้อนเป็นเวลานาน จะทำให้อุปกรณ์นั้นเสื่อมสภาพ สิ้นอายุการใช้งานเร็วกว่าปกติ
เบาะหนัง รถยนต์โดยส่วนใหญ่มักใช้เบาะที่ทำจากหนัง เพราะมันช่วยเสริมให้รถของเรา “ดูดี” รู้หรือไม่ว่าความร้อนจะทำให้หนังที่หุ้มตัวเบาะแห้งกรอบและมีโอกาสปริแตก หากปล่อยไว้ไม่ดูแลจากเบาะหนังสวยหรูดูมีคลาส คงได้กลายร่างเป็นวัตถุโบราณที่เตรียมส่งเข้าพิพิธภัณฑ์แทน
แผงคอนโซล นอกจากจะถูกแดดเลียจนสีซีด อย่าลืมว่ารถรุ่นใหม่ ๆ ภายใต้แผงคอนโซลคืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์เหล่านี้ก็ไม่ได้ชื่นชอบความร้อนและแสงแดดเท่าไรนัก คุณคงไม่อยากเปลี่ยนอุปกรณ์เหล่านี้โดยไม่จำเป็น เพราะราคาของมันก็ไม่ได้ถูกเลย
แอร์ ภายใต้ความร้อนสิ่งที่ต้องพยายามเอาชนะอุณหภูมิที่ร้อนแรงไม่ให้ห้องโดยสารต้องกลายเป็นเตาอบนั้นก็คือแอร์ ในวันที่แดดจ้า แอร์ในรถของคุณจะต้องทำงานหนักขนาดไหน และหากต้องทำงานหนักบ่อย ๆ อายุการใช้งานก็จะสั้นลง
เหล่านี้คือผลกระทบของแสงแดดและความร้อนที่กระทำต่อรถของคุณ แต่หากคุณคิดว่าแสงแดดจะเป็นอันตรายต่อเฉพาะรถ คุณคิดผิดแล้ว เพราะแสงแดดยังนำพาภัยร้ายที่ซ่อนตัวพรางอยู่ สิ่งนั้นก็คือ “รังสียูวี” ทั้งยูวีเอและยูวีบี รังสียูวีมีผลกระทบต่อร่างกายอย่างน่ากลัวเพราะรังสียูวีทำอันตรายต่อเราไม่ว่าจะเป็น
- กระจกตาอักเสบ
- มะเร็งผิวหนัง
- ต้อกระจก
- ผิวหนังไหม้จากแสงแดดเผา
- เซลล์เม็ดเลือดขาวถูกทำลาย
- ผิวหนังเหี่ยวย่น เป็นฝ้า กระ และจุดด่างดำ
รักรถ รักตัวเอง ก็ต้องรู้จักป้องกัน
ถ้าถามว่า แล้วเราจะปกป้องตัวเองและรถจากความร้อน จากแสงแดด และรังสียูวีได้อย่างไร วิธีการมีให้เลือกหลากหลายวิธี ทั้งจอดรถไว้ในร่ม ทั้งหลีกเลี่ยงการขับรถในวันที่แดดจัดแต่เราไม่อาจทำเช่นนั้นได้ทุกวัน เมื่อไม่อาจทำได้ดังข้างต้น จึงเกิดเป็นสิ่งประดิษฐ์ไม่ว่าจะเป็นการผลิตผ้าคลุมรถ เต็นท์จอดรถ แต่วิธีการเหล่านี้มันก็ดูจะยุ่งยากเกินไปในหลายสถานการณ์ ด้วยความก้าวหน้าทางนวัตกรรมจึงมีคนคิดประดิษฐ์ “ฟิล์มกรองแสง” ในรถยนต์ขึ้นมา
อย่างน้อยแม้ไม่อาจจะปกป้องรถได้ทั้งคัน ก็ยังสามารถป้องกันห้องโดยสาร คนขับ คนโดยสารก็ยังดี
เลือกฟิล์มกรองแสงรถยนต์ อย่างไร
ก่อนที่จะมาเลือกฟิล์มกรองแสง เรามาทำความรู้จักกับมันเสียก่อน แล้วคุณจะรู้ว่าฟิล์มแบบใดที่เหมาะกับคุณ
ฟิล์มกรองแสงคือวัสดุที่ถูกสร้างขึ้นมาให้มีลักษณะโปร่งใส มีคุณสมบัติในการลดความร้อน ลดรังสียูวี รังสีอินฟราเรด ซึ่งจะช่วยลดความร้อนจากแสงแดดและรังสีต่าง ๆ ที่มากับแสงแดดที่จะเข้ามาภายในห้องโดยสาร ส่วนจะสามารถลดหรือป้องกันได้มากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับวัสดุและคุณภาพของส่วนประกอบที่นำมาผลิตเป็นฟิล์มกรองแสงนั้น ฟิล์มกรองแสงสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่
- ฟิล์มกรองแสงที่ไม่มีส่วนผสมของสารป้องกันรังสีที่มาจากแสงแดด
ฟิล์มชนิดนี้จะสามารถกรองได้เฉพาะแสงจากดวงอาทิตย์ให้อ่อนลงได้เท่านั้น ฟิล์มประเภทนี้จะลดความเข้มของแสงได้เพียงอย่างเดียว แต่ไม่สามารถกรองหรือลดอันตรายจากความเข้มของรังสีต่าง ๆ ที่มาพร้อมแสงแดดได้ ฟิล์มแบบนี้จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมและสามารถกันความร้อนได้เพียง 50% เป็นฟิล์มที่มีราคาถูกที่สุด และอายุการใช้งานก็สั้นเพียง 3-5 ปีเท่านั้น - ฟิล์มกรองแสงที่มีส่วนผสมของสารป้องกันรังสีที่มาจากแสงแดด
ในการผลิตฟิล์มชนิดนี้ จะมีการเพิ่มวัสดุพิเศษเข้าไปในชั้นฟิล์ม วัสดุพิเศษจะมีคุณสมบัติในการช่วยป้องกันและกรองรังสีต่าง ๆ ในแสงแดดที่จะทำอันตรายต่อทั้งอุปกรณ์ภายในห้องโดยสารและตัวผู้โดยสาร ฟิล์มประเภทนี้ยังสามารถแบ่งย่อยออกได้เป็น 4 ประเภทตามวัสดุพิเศษที่ใช้และกระบวนการผลิตดังนี้
- ฟิล์มปรอท, ฟิล์มเคลือบโลหะ และฟิล์มลดความร้อน มีคุณสมบัติในการลดความร้อนได้ 35-90% เนื้อฟิล์มจะเป็นสีสะท้อนคล้ายกระจกเงา ฟิล์มชนิดนี้จะเคลือบผิวด้วยไอโลหะประเภทต่าง ๆ ฟิล์มแบบนี้จะกันรังสีความร้อนได้พอสมควรและป้องกันรังสีต่าง ๆ ได้ มีอายุการใช้งาน 3-7 ปี
- ฟิล์มอินฟราเรด เป็นฟิล์มที่ใช้สารพิเศษที่มีคุณสมบัติไปตัดรังสีอินฟราเรดมาใช้ในการเคลือบ ทำให้ป้องกันความร้อนได้ค่อนข้างดีที่สุด และสามารถสะท้อนรังสียูวีได้จึงมีราคาค่อนข้างสูง
- ฟิล์มนิรภัย เป็นฟิล์มที่มีความหนาตั้งแต่ 4 มิลลิเมตรขึ้นไป มีคุณสมบัติในการช่วยยึดเกาะแผ่นกระจกให้คงรูปร่างเดิมมากที่สุดเมื่อถูกกระแทก และยังช่วยดูดซับแรงได้อีกชั้นหนึ่ง เพื่อป้องกันอันตรายจากกระจกแตก แต่ก่อนมักใช้กับกระจกอาคาร แต่ปัจจุบันมีการนำมาใช้ในรถยนต์มากยิ่งขึ้น
- ฟิล์มใสประเภทนาโน เป็นฟิล์มที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตโดยใช้อนุภาคนาโนมาเคลือบฟิล์มแทน ทำให้สามารถป้องกันได้ทั้งความร้อนและรังสียูวีได้ดีเยี่ยม อีกทั้งเนื้อฟิล์มยังใส ทำให้ไม่บดบังทัศนวิสัยในการขับรถ และมีอายุการใช้งานที่ทนทานนาน 7-10 ปี
เราจะเลือกติดฟิล์ม กี่เปอร์เซ็นต์ดี
การจะเลือกชนิดของฟิล์มว่าปวดหัวแล้ว แต่เลือกเปอร์เซ็นต์ฟิล์มกลับยิ่งปวดหัวกว่า แล้วคำว่าเปอร์เซ็นต์ ๆ นี่มันหมายความว่าอะไร เรามาทำความรู้จักกับมันกัน
คำว่าเปอร์เซ็นต์ฟิล์ม มีความหมายว่า ความเข้มของฟิล์มที่ยอมให้แสงสามารถส่องผ่านเข้ามาได้ ปัจจุบันแบ่งได้เป็น 3 ชนิดคือ 40, 60 และ 80 ใช้ในการเรียกระดับความเข้มของฟิล์มซึ่งไม่มีหลักเกณฑ์ที่แน่นอนในการวัด แต่ละยี่ห้อก็กำหนดแตกต่างกันอีก แต่พอจะสรุปออกมาได้ดังนี้
- ฟิล์ม 40% คือฟิล์มที่มีค่าของแสงส่องผ่านได้ 35% ขึ้นไป
- ฟิล์ม 60% คือฟิล์มที่มีค่าของแสงส่องผ่านได้ประมาณ 20%
- ฟิล์ม 80% คือฟิล์มที่มีค่าของแสงส่องผ่านได้ประมาณ 5%
หรือสรุปก็คือค่าเปอร์เซ็นต์ยิ่งสูงก็ยิ่งกันแสงแดดได้มาก แต่ก็จะยิ่งทึบมากขึ้นตามไปด้วย
สำหรับประเทศไทย กฎหมายอนุญาตให้ติดฟิล์มกระจกบังหน้าที่มีความเข้มไม่เกิน 40% และไม่เกิน 60% สำหรับกระจกบานอื่น
ดังที่ได้กล่าวมาแล้วของอันตรายของคลื่นความร้อนและรังสียูวีที่นอกจากจะทำลายรถยนต์ที่คุณรัก ยังเป็นอันตรายต่อทั้งตัวคุณและคนที่คุณรักอีกด้วย การติดฟิล์มกรองแสงจึงมีความสำคัญ นอกจากจะช่วยปกป้องรถของคุณ มันยังช่วยป้องกันสุขภาพของคนที่อยู่ภายในห้องโดยสารให้พ้นจากอันตรายที่ไม่พึงประสงค์จากความร้อนและรังสียูวี
อย่าละเลยอันตรายที่ดูเล็กน้อยเหล่านี้ เพราะสิ่งใดที่ได้รับซ้ำบ่อยๆ วันหนึ่งมันอาจจะขยายปัญหาจนยากที่จะควบคุม
ศูนย์ทดสอบฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) ร่วมกับห้องปฏิบัติการมาตรฐานทางแสงและอุณหภูมิ ศูนย์ทดสอบและมาตรวิทยา สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เคยทำการทดสอบประสิทธิภาพกรองแสงของการติดฟิล์มรถยนต์ 6 ยี่ห้อยอดนิยม ดังนี้
- 3M รุ่น FX20
- Lamina รุ่น ARL20C
- Hi-Kool รุ่น MO 15 HC
- Xtra-Cole รุ่น XC 20 NE
- FuchiCool รุ่น C 60 B
- ไม่มียี่ห้อ รุ่น ไม่มีปรอท
ซึ่งเป็นซีรีย์ที่มีราคาจำหน่ายใกล้เคียงกัน ค่าความเข้มของฟิล์มที่ประมาณ 60%
สรุปผลการทดสอบการทดสอบฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์นี้ผลที่ได้พบว่าทุกๆ ยี่ห้อสามารถป้องกันแสง UV ได้ใกล้เคียงกัน การป้องกันความร้อน ถ้าค่าความแตกต่างของอุณหภูมิด้านนอกกับด้านในมีน้อย แสดงว่าสามารถกันความร้อนได้ดีและพบว่า Hi-Kool มีความสามารถกันความร้อนความร้อนได้ดีกว่าทุกยี่ห้อ
แต่ความสามารถของการส่องผ่านแสงช่วงสายตามองเห็น ผ่านเข้ามาได้ค่อนข้างน้อย หากค่าแสงช่วงสายตามองเห็นได้ผ่านเข้ามาได้น้อยเกินไป ก็ทำให้การมองเห็นได้ไม่ดีอาจจะลดทัศนวิสัยในการขับรถได้ สำหรับในการพิจารณาเรื่องการส่องผ่านแสงช่วงสายตามองเห็นค่าความสว่างของแสง(Lux) มากจะทำให้การมองเห็นชัดเจนกว่าค่าความสว่างของแสงน้อย
ซึ่งจะเห็นผลชัดเจนเวลาขับรถเวลากลางคืน ทำให้ ฟิล์ม 3M อาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเรื่องนี้ จากข้อมูลในตารางที่ 2 ฟิล์มยี่ห้อ Xtra-Cole อาจจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับ ความสามารถในการป้องกันความร้อน และทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่
อ่านผลทดสอบของฟิล์มทั้งหมดได้ที่นี่
ในสินค้ากลุ่มฟิล์มติดรถยนต์จะมีแบรนด์ใหม่โผล่เข้ามาเรื่อย ๆ แต่ก็ล้มหายไปเร็ว ทั้งรีแบรนด์ ทั้งเปลี่ยนชื่อ ทำให้ขาดความน่าเชื่อถือ เราจึงรวมฟิล์มกรองแสงแบรนด์ดัง มีอะไรให้เลือกบ้างและราคาจำหน่ายประมาณเท่าไหร่
10 ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ แบรนด์ดัง
1. Hi-Kool (ไฮ-คูล) ฟิล์มกรองแสงเทคโนโลยีจากโรงงานอเมริกา ทำสั่งผลิตเองเป็นพิเศษ (Customized Orders) โดย บริษัท ลีวณิชย์ จำกัด ตอนนี้มีให้เลือกหลายซีรีย์อย่างมาก
การรับประกัน : 7 ปี
2. Super Hi-Cool (ซูเปอร์ ไฮ-คูล) โดย บริษัท ลีวณิชย์ จำกัด เน้นความเหนือกว่าด้านประสิทธิภาพจากรุ่นปรกติCrystal Vision ที่สุด…แห่งนวัตกรรมฟิล์มกรองแสงรายเดียวที่กัน Infrared สูงสุดถึง 99.99%
อีกระดับของฟิล์มกรองแสง ที่ผลิตขึ้นจาก Ceramic และ Metal ทับซ้อนกันถึง 50 ชั้น ด้วยกรรมวิธี Multi-Layers Sputtering ออกมาเป็นฟิล์มกรองแสงที่ ใส เคลียร์ ดั่งคริสตัล พร้อมกันความร้อนสูงสุด จนคุณสัมผัสได้
รับประกัน : 7 ปี
ราคาจำหน่าย (รอบคันตามไซส์รถ) : 24,000-42,000 บาท
3. ICE (ไอซ์) เทคโนโลยีฟิล์มจากญี่ปุ่นจาก Teijin Dupont Films จัดจำหน่ายโดย บริษัท ลีวณิชย์ จำกัด
ผู้อยู่เบื้องหลังของเทคโนโลยี่ ICE Solar Films คือ Teijin Dupont Films ซึ่งเป็นผู้นำในวงการวัสดุศาสตร์ และค้นพบเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังฟิล์ม ICE นี้ ระหว่างที่พัฒนาฟิล์มป้องกันการแอบมอง พวกเขาพบว่าเทคโนโลยีนี้สามารถประยุกต์ใช้กับตลาดฟิล์มกรองแสงสำหรับหน้าต่างอาคาร
ซึ่งมีความต้องการคุณสมบัติการกรองแสงที่แตกต่างกันไป โครงการวิจัยและพัฒนาเป็นเวลากว่าสองปีของ Teijin Dupont Films เป็นผลให้ ICE Solar Films กำเนิดขึ้น
ประเด็นสำคัญในการทำงานของ ICE อยู่ที่เทคโนโลยีการเคลือบแบบ Sputtering หลายชั้น โลหะมีค่าหลายชั้นเช่นซิลเวอร์อัลลอยและอินเดียมออกไซด์จะเคลือบอยู่บนโพลี เอสเตอร์ใสมาก ด้วยวิธีการที่เรียกว่า Sputtering ชั้นของโลหะมีค่าเหล่านี้มีความหนาเท่ากับอะตอมเท่านั้น
ซึ่งเราทำการเคลือบเช่นนี้หลายครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าการเคลือบเป็นไปอย่างสม่ำเสมอตลอดทั้งแผ่นฟิล์มและแผ่น ฟิล์มยังคงความใสอยู่
ราคาจำหน่าย (รอบคันตามไซส์รถ) : 31,500-47,500 บาท
ข้อมูลเพิ่มเติมของทั้ง 3 แบรนด์ facebook : Comclubhikoolfilm
4. 3M (สามเอ็ม) ผู้ให้กำเนิดฟิล์มติดรถยนต์รายแรกของโลก เมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2509 มักจะเป็นแบรนด์แรก ๆ เมื่อได้รับของแถมเป็นการติดฟิล์มรอบคัน มี 4 รุ่นให้เลือก
- 3M Ceramic Series หนาและทนทานที่สุดในตระกูลเซรามิค ป้องกันทั้งรังสียูวีและรังสีอินฟราเรต เป็นฟิล์มเซฟตี้หนา 2.5 มิว (Mil) ป้องกันแตกของกระจก ไม่รบกวนสัญญาณดิจิตอล
- 3M Crystalline Series ฟิล์มกันความร้อนสูงสำหรับรถยนต์
- 3M Scotchtint Series กันความร้อนดี มีให้เลือกหลายสี
- 3M Smart Series FX Series ฟิล์มใสที่มีประสิทธิภาพในการกันความร้อนได้สูง
ข้อมูลเพิ่มเติม facebook.com : 3MThailand
5. Lamina (ลามิน่า) ฟิล์มกรองแสงกลุ่มพิเศษลูม่าร์โดยตรงจากบริษัทผู้ผลิตประเทศสหรัฐอเมริกา CP Films Inc. ในเครืออีสต์แมน เคมิคัล นำเข้าและจัดจำหน่ายโดย บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) มีหลากหลายซีรีส์ให้เลือก
- Lamina Pop Series รุ่นเริ่มต้น ไม่กวนสัญญาณดิจิตอล
- Lamina Genius Series ฟิล์มใสเป็นพิเศษ เนื้อฟิล์มมีสีสัน ไม่กวนสัญญาณดิจิตอล
- Lamina Executive Series ฟิล์มเข้ม สำหรับผู้บรืหาร ไม่กวนสัญญาณดิจิตอล
- Lamina Mystery Series เข้มในภายนอก ใสภายใน โทนสีมิสเทียเรียส เทาดำ เฉพาะ Lamina Mystery Series ไม่กวนสัญญาณดิจิตอล
- Lamina Special Series ฟิล์มกรองแสงผสมด้วยเซรามิค คุณภาพสูง สีสันสวยงาม
และมีจุดเด่น เรื่องการไม่รบกวนสัญญาณดิจิดอล
ข้อมูลเพิ่มเติม facebook.com : FilmLamina
6. Xtra-Cole (เอ็กซ์ตร้า-โคล) ฟิล์มกรองแสงจากประเทศสหรัฐอเมริกา บริษัท Johnson Window Films, Inc. นำเข้าและจัดจำหน่ายโดย บริษัท อินเตอร์มาร์ค บิสซิเนส
- Xtra-Cole Global Series กันความร้อนสูง ไม่รบกวนสัญญาณดิจิดอล
- Xtra-Cole Flash Series มีความเงา หลากหลายสีสัน
- Xtra-Cole Sport Series กันร้อน มีค่าสะท้อนปานกลาง
- Xtra-Cole Smart Series กันร้อน ค่าสะท้อนแสงน้อย สีเรียบ
ข้อมูลเพิ่มเติม facebook.com : Xtracolefilms
7. V-Kool (วี-คูล) ฟิล์มกรองแสงจากประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นแบรนด์ของ Eastman Chemical Company (อีสต์แมน เคมิคัล คอมพานี) โดยตรง ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย วีคูล กรุ๊ป ไทยแลนด์ รับประกัน : 5 ปี
- V-KOOL SOLITAIRE ENERGY PACKAGE สินค้าดีที่สุดจากฟิล์ม V-KOOL ให้คุณสมบัติใส และการกันความร้อนที่ดีเยี่ยม
- V-KOOL ECO STATURE PACKAGE สำหรับผู้ต้องการความเป็นส่วนตัวในการขับขี่แต่ยังคงให้ประสิทธิภาพที่ดีในการกันความร้อน
- V-KOOL OZONE SIGNATURE PACKAGE สินค้าสำหรับผู้ชอบฟิล์มสีที่หลากหลายและให้ความรู้สึกทันสมัยแต่ยังให้ประสิทธิภาพกันร้อนที่ดี
ข้อมูลเพิ่มเติม facebook.com : VKoolGroup
8. Cardinal (คาร์ดินอล) ฟิล์มกรองแสงจากอเมริกาพัฒนาโดย Plastic View International Inc. ผลิต OEM ให้กับบริษัท อินนิแฟตโต้ จำกัด สร้างแบรนด์เมื่อปี 2011
รับประกัน : 15 ปี ถึงตลอดอายุการใช้งาน
- Cardinal Tuxedo ฟิล์มเซรามิคดำเกรดพรีเมี่ยม ดำสนิทจากด้านนอก ทัศนวิสัยคมชัดจากด้านใน ไม่กวนสัญญาณ GPS หรือ Easy Pass
- Cardinal Tuxedo Plus ฟิล์มรุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี Nano Infusion ผสมอณูเซรามิกพิเศษเข้าไปเนื้อฟิล์มโดยตรงแทนการเพิ่มชั้นฟิล์ม กันร้อนได้ดีกว่า และชัดกว่าเดิม ดำสนิทจากด้านนอก วิสัยคมชัดจากด้านใน ไม่กวนสัญญาณ GPS หรือ Easy Pass
- Cardinal SEVEN เป็นฟิล์มเซรามิคคาร์บอนผลิตโดยใช้เทคโนโลยี Solar Selective Organic Coatinให้เฉพาะแสงที่จำเป็น กันรังสีความร้อนอันตรายอื่น ๆ
ออก ไม่กวนสัญญาณ GPS หรือ Easy Pass
ข้อมูลเพิ่มเติม facebook.com : Cardinalfilmthailand
9. HuperOptik (ฮิวเปอร์ ออพติค) ฟิล์มกรองแสงจากเยอรมันโดย HüperOptik International Pte Ltd ก่อนตั้งเมื่อค.ศ. 1997 หนึ่งในบริษัทลูกของ Eastman Chemical Company (อีสต์แมน เคมิคัล คอมพานี)
- Huper Ceramic ฟิล์มใส ซึ่งไม่บดบังทัศนวิสัยในการขับขี่ และยังสามารถสะท้อนแสงได้เป็นอย่างดี
- Huper-klassisch ฟิล์มใส เพิ่มความสบายให้กับดวงตามากยิ่งขึ้น แต่ยังคงความโปร่งใส
- Huper-klassisch Black สำหรับความเป็นส่วนตัวสูง แต่ยังคงประสิทธิภาพการมองเห็นที่ชัดเจน
ข้อมูลเพิ่มเติม facebook.com : HuperOptikTH
10. SolarFX (โซลาร์เฟ็กซ์) ฟิล์มกรองแสงจากประเทศสหรัฐอเมริกาโดย SolarFX Window Films รับประกัน : 18 ปี
- SolarFXFXtreme Ceramic Series ฟิล์มดำเซรามิคที่มีคุณภาพสูง สะท้อนแสงต่ำ สีดำสนิท สวยงาม ให้ความเป็นส่วนตัว หรูหรา ไม่รบกวนสัญญาณคลื่นวิทยุต่าง ๆ เช่น GPS , Easy Pass
- SolarFXFXtreme Charcoal Ceramic ฟิล์มใสคุณภาพสูง กันความร้อนเทคโนโลยี นาโน เซรามิค ไม่รบกวนสัญญาณคลื่นวิทยุต่าง ๆ เช่น GPS, Easy Pass
ข้อมูลเพิ่มเติม facebook.com : SolarFXThailand
สุดท้ายก็อยากแนะนำว่า รุ่นกลาง ๆ กำลังเหมาะ หาเฉดสีที่ชอบ ที่เข้ากับสีรถ ดูความเข้มที่ต้องการ สำหรับท่านที่มีปัญหาทางด้านสายตา อย่าลืมนึกเวลาที่ต้องขับรถยามค่ำคืน หรือ การเข้าที่จอดรถตามห้างสรรพสินค้าชั้นใต้ดิน
ซึ่งอาจจะเลือกติดฟิล์มที่กันร้อนได้ดีแต่สีไม่เข้มมากเกินไป และหาตัวช่วยอย่างเช่น ม่านบังแดดรถยนต์ ที่เดี๋ยวนี้มีแบบตรงรุ่นรถกันเลยมาเป็นออฟชั่นเสริมก็ดีนะครับ จากนั้นโทรศัพท์ไปติดต่อเรื่องราคา บางรุ่นอาจจะมีร้านที่ติดตั้งน้อย แต่สำหรับคนมีรถแล้วไม่ลำบากเกินไปแน่นอนครับ อำนาจในการเลือกฟิล์มติดรถคู่ใจอยู่ในมือคุณแล้ว
อายุการใช้งาน ของฟิล์มติดรถยนต์
คุณสมบัติเบื้องต้นของฟิล์มกรองแสง คือ ช่วยป้องกันแสงและความร้อนเข้าสู่ภายในตัวรถยนต์ ซึ่งพอใช้ไปนานๆ การป้องกันรังสียูวีจะลดลงเรื่อยๆ โดยทั่วไปจะมีอายุการใช้งานอยู่ 5 ปี สังเกตได้จากสีของฟิล์มจะซีดลง
ซึ่งทำให้ภายในรถยนต์ร้อนขึ้น ทั้งที่เปิดแอร์เท่าเดิม นั่นเป็นตัวบ่งบอกว่า ควรเปลี่ยนฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์ได้แล้ว
ข้อสังเกตง่ายๆเมื่อฟิล์มกรองแสงหมดอายุการใช้งาน
- สีฟิล์มซีด
- ฟิล์มฟองเป็นจุดๆ
- เกิดรอยยับย่นบนเนื้อฟิล์ม เมื่อพบอาการแบบนี้ควรรีบเปลี่ยนฟิล์มกรองแสง เพราะมันเกี่ยวข้องกับวิสัยทัศน์ในการขับรถยนต์ในช่วงกลางวันและกลางคืนด้วย
วิธีการเลือก ฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์
การเลือกฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์ หลักๆเลย คือความต้องการของผู้ใช้ และงบประมาณที่มีในกระเป๋า อันนี้สำคัญมาก แต่ถึงยังไงก็ยังมีองค์ประกอบอื่นที่ควรนำมาพิจารณาในการเลือกฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์ด้วย
- ได้มาตรฐานการผลิต มีความน่าเชื่อถือ ดูจากคนใกล้ชิดที่เคยใช้มาก่อน
- คุณสมบัติของฟิล์มตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน เช่น บางคนชอบฟิล์มเปอร์เซ็นต์สูง ต่ำไม่เท่ากัน
- เลือกเข้ากับประเภทและสีของรถยนต์ เนื่องจากฟิล์มมีหลายสีหลายประเภทให้เลือก จึงต้องดูที่รถยนต์ของเราเป็นส่วนประกอบในการเลือกด้วย เพื่อจะทำรถยนต์ของเราดูสวยน่ามองขึ้น คล้ายๆกับการแต่งตัวให้รถยนต์
- ราคา ข้อนี้สำคัญมาก เราควรเลือกติดฟิล์มให้เหมาะสมตามงบประมาณที่เรามี บางครั้งได้ฟิล์มคุณภาพดีแต่เป็นหนี้มาก็ไม่คุ้มเหมือนกัน
- เลือกร้านที่มีช่างที่มีความชำนาญ ก่อนติดฟิล์ม ถามช่างก่อนเลยว่า เคยติดฟิล์มประเภทที่เราต้องการมาก่อนไหม เพราะช่างบางคนก็ถนัดติดเฉพาะบางยี่ห้อ เลือกฟิล์มได้แล้ว แต่ได้ช่างไม่มีความชำนาญ ก็เสียของเปล่าๆ
กฎหมาย ฟิล์มกรองแสงรถยนต์
เนื่องจากบ้านเราเป็นเมืองร้อน ซึ่งทางกฎหมายให้ติดฟิล์มกรองแสงกระจกหน้าได้ไม่เกิน 1 ใน 4 เพราะมีผลต่อการมองเห็นของผู้ขับขี่ แต่อย่างที่บอกว่าบ้านเราเป็นเมืองร้อน บางครั้งเจ้าหน้าที่ก็พิจารณาดูว่าถ้าติดฟิล์มกรองแสงทั้งแผ่น
แต่ติดฟิล์มกรองแสงที่ไม่ทึบมากก็อนุโลมกันไป แต่ถ้าติดทั้งแผ่นแล้วยังทึบจนเกินไปซึ่งมีผลต่อวิสัยทัศน์ในการมองเห็นในขณะขับขี่ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ก็ถือว่ามีความผิด
ส่วนการสะท้อนแสงของฟิล์มตอนนี้ยังไม่มีกฎหมายมาควบคุมว่าต้องสะท้อนได้กี่เปอร์เซ็นต์ จึงแล้วแต่ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ แต่ละครั้งว่าแสงสะท้อนไปรบกวนผู้ขับขี่ผู้อื่น จนเป็นเหตุทำให้แสงสะท้อนเข้าตา ขับรถยนต์เสียหลักจนเกิดอุบัติเหตุ
ดังนั้น ผู้ขับขี่เองก็ต้องนึกถึงส่วนรวม และผู้ขับขี่ที่ใช้รถใช้ถนนร่วมกับเราด้วยว่า ฟิล์มกรองแสงที่เราติดรถยนต์ ไปมีผลกระทบต่อคนอื่นหรือไม่ ถึงเราจะมีสิทธิแต่ถ้าทำให้คนอื่นเดือนร้อนก็ไม่สมควรทำ เพราะนอกจากจะเกิดปัญหาวุ่นวายตามอาจทำให้เกิดอุบัติจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ ถือว่าไม่คุ้มเอาซะเลย